อาหารเช้าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตเราล้วนทราบว่าในแต่ละวันนั้นควรจะรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ แต่มื้อเช้ามักจะถูกละเลยไปเนื่องด้วยการดำเนินชีวิตประจำวันในปัจจุบันที่ต่างดำเนินไปด้วยความเร่งรีบ ทำให้หลายๆคนเลือกที่ดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียวหรือเลือกที่จะข้ามอาหารมื้อนี้ไป แล้วอาหารมื้อเช้านั้นสำคัญอย่างไร ?
ความสำคัญของอาหารเช้า
ในความเป็นจริงแล้วอาหารที่เรากินในแต่ละมื้อนั้นล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ แต่เหตุผลที่อาหารเช้ามีความสำคัญมากที่สุดก็เนื่องมาจากว่า ร่างกายต้องใช้พลังงานจากอาหารมื้อเย็นไปเลี้ยงหัวใจให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย และเพราะเรามีการอดอาหารมาตลอดทั้งคืน เราจึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารเช้าเพื่อทดแทนพลังงานที่เสียไป และยังเป็นการเติมพลังงานให้กับร่างกายและสมอง ทำให้สมองของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน
แต่สิ่งที่หลายๆ คนยังเข้าใจผิดอยู่ นั่นก็คือ การงดมื้อเช้าจะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการไม่รับประทานอาหารเช้าจะยิ่งทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก ผู้ที่อดอาหารเช้านั้นจะมีอาการโหยสะสม เนื่องมาจากปริมาณน้ำตาลในเลือดที่ต่ำจะส่งผลเรารับประทานอาหารในมื้อถัดๆ ไปแบบไม่รู้ตัว ทั้งมื้อเที่ยง มื้อเย็น หรือกินจุกจิกมากขึ้น ซึ่งทำให้เราได้รับปริมาณแคลอรี่ที่มากเกินไป โดยเฉพาะกับมื้อเย็นนั้น ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการใช้แคลอรี่ในปริมาณมาก จึงทำให้เกิดการสะสมของไขมันทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่มาสนับสนุนข้อเท็จจริงดังกล่าว หนึ่งในนั้นคือ งานวิจัยของโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด หรือ Harvard Medical Schoolที่พบว่า ชายหญิงที่รับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอนั้นมีแนวโน้มที่จะอ้วนยากกว่าคนที่งดอาหารเช้า หรือผู้ที่เลือกรับประทานอาหารเช้าที่เน้นสะดวกรวดเร็ว ซึ่งมักเต็มไปด้วยแป้ง ไขมัน และน้ำตาล อีกทั้งยังมีแคลอรี่สูง
การอดอาหารเช้านั้นยังส่งผลเสียต่อระบบเผาพลาญของร่างกาย เนื่องจากจะส่งผลให้ร่างกายเกิดการชะลอการเผาพลาญลงเพื่อเป็นการเก็บรักษาพลังงานไว้ ซึ่งทำให้ระบบเผาพลาญไม่ดี ซึ่งเป็นสาเหตุให้น้ำหนักขึ้นง่าย อ้วนง่าย หรือผอมเกินไป
อีกทั้งผลการวิจัยของ University of California ในปี 2014 พบว่าผู้หญิงที่ไม่รับประทานอาหารเช้าจะมีระดับคอร์ติซอลสูงขึ้นตลอดทั้งวันเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่รับประทานอาหารเช้า ซึ่งคอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนที่ปกติแล้วร่างกายจะหลั่งออกมาในช่วงเช้า เพื่อให้สมองตื่นตัวพร้อมรับวันใหม่และค่อยๆ ลดระดับลง แต่มันกลับสูงขึ้นเรื่อยๆ ในคนที่ไม่รับประทานอาหารเช้า ซึ่งอาจทำให้ร่างกายเกิดการสะสมความเครียด และเมื่อระดับคอร์ติซอลไม่สมดุลก็อาจทำให้ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้น
การงดอาหารเช้าติดต่อกันเป็นเวลานาน จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้ จากการที่ร่างกายเกิดการดื้ออินซูลิน หากมีรับประทานอาหารเช้าประจำ ก็จะสามารถลดความโอกาสเสี่ยงนี้ได้ถึงร้อยละ 35-50 เลยทีเดียว
นอกจากนี้การงดอาหารเช้ายังส่งผลต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์เมื่ออายุเพิ่มขึ้นได้ เพราะตลอดทั้งคืนที่ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารโดยเฉพาะน้ำตาลซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการทำงานของสมอง อีกทั้งเมื่อไม่มีการรับประทานอาหารเช้า ก็จะยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะต่ำลงไปเรื่อยๆ จนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ซึ่งจะส่งผลต่อความจำ ทำให้การทำงานของสมองไม่มีประสิทธิภาพ เฉื่อยชา เสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ในที่สุด
เลือกมื้อเช้าอย่างไรดีที่สุด
เมื่อเราทราบถึงความสำคัญของอาหารเช้าแล้ว แต่ก็ใช้ว่าเราจะเลือกรับประทานอะไรก็ได้ ดังนั้นเราควรเลือกอาหารเช้าที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ อุดมไปด้วยสารอาหารไฟเบอร์ โปรตีน และไขมันที่ดี ซึ่งมีส่วนช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารในระหว่างมื้อลงได้ เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายหรือไม่ติดมัน จำพวกปลาหรืออกไก่เป็นโปรตีนหลัก อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปจำพวก ไส้กรอก เบคอนและอาหารกระป๋อง หรืออาหารทอดต่างๆ เนื่องจากมีการปรุงแต่งสูงและเต็มไปด้วยน้ำมัน เกลือ ผงชูรส หรือน้ำตาลเป็นจำนวนมาก สิ่งที่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกกินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป และไม่ควรเล่นโทรศัพท์ขณะกำลังรับประทานอาหารอยู่เพราะจะทำให้เรารับประทานมากเกินไปโดยที่ไม่รู้ตัวได้
ดังนั้นมื้อเช้าจึงเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เราควรรับประทานอาหารเช้าเป็นประจำในทุกๆ เช้า แม้ว่าจะเร่งรีบแค่ไหนก็ไม่ควรหลงลืมมื้อเช้าไป เพราะมื้อเช้ามีส่วนช่วยให้เราสามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมองปลอยโปร่ง และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ห่างไกลโรค
ข้อมูลอ้างอิง : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส)